วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555

ความสวยงาม ของหมายเลข 2 "น.ส. นริศรา ชูดี ม.5/6 เลขที่ 11"

ถ้าตัวเลขมีอยู่ 2 ตัวเลข นั่นก็คือ 1 กับ 2
หลายๆคนคงคิดที่จะเลือก หมายเลข 1 กันใช่ไหม??
เพราะหมายเลข 1 คือหมาเลขที่บ่งบอกถึง( เลขคี่ )
ความเป็นผู้ชนะ คนที่ได้เป็นที่ หนึ่งไม่ ว่าจะเรื่องใดก็ตาม และมีความเป็น "ผู้นำ"
ส่วนหมายเลข  2 (เลขคู่) หลายๆคนอาจจะรู้สึกว่า หมายเลขนี้คือผู้ตาม
 อาจจะรู้สึกว่า ต้องรู้สึกว่าด้อยกว่าเลข 1 และจะรู้สึกว่าจะต้องเป็นรองมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม



แต่คุณรู้ไหม?

**ว่าหมายเลข 2 นี้ ยังมีอะไรแอบแฝงอยู่**
ลองสังเกตุดูซิว่า....
- รองเท้า ก็มี 2 ข้าง ถ้ามีรองเท้าข้างเดียว เราจะเดิน สบายเท้าได้ยังไง?












-ตะเกียบ ก็ต้องใช้เป็นคู่ ถ้ามีตะเกีบยด้ามเดียว แล้วเราจะคีบอาหารได้ยังไง?



   


-ถุงเท้า ก็ต้องมี 2 ข้าง ไม่ยังงั้นมันคงตลกน่าดู



-แปรงสีฟัน และยาสีฟัน ก็ยังต้องใช้ร่วมกัน เพราะถึงแม้มันจะแตกต่างกัน แต่ยังไงมันก็ยังคงต้องใช้ร่วมกัน
-ขา แขน ธรรมชาติ ยังสร้างให้มนุษย์เรามีขา 2 ข้าง แขน 2 ข้าง
**และยังมีอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็ คือ นิ้วทั้งสิบของเรา
 ถึงแม้มือของเราจะมีถึงสิบนิ้วแต่สุดท้ายมันก็ยังคงเป็นเลขคู่ ซึ่งก็หมายถึง **


สรุปนั่นก็คือ หมายเลข 2 นั้น ก็ยังคงมีสิ่งดีๆแอบแฝงอยู่บ้าง หากโลกนี้ ไร้คู่อยู่ มันจะลงตัวได้ยังไง หมายเลข 1 อาจไม่สวยเสมอไปก็ได้ เพราะบางที่ ก็อาจจะรู้สึกโดเดี่ยว เพราะความไม่ลงตัวของตัวเลขก็ได้ ^^

ถนนสายชีวิต น.ส. นริศรา ชูดี


บนเส้นทางของชีวิต
อาจจะไม่เรียบสวยงานเสมอไป
อาจจะมีบ้างที่เดินแล้วล้ม
และอาจจะเจอกับอุปสรรคมากมาย
จนในบางครั้งเราก็รู้สึกว่าเราเหนื่อย หมดแรงที่จะเดินต่อ
แต่ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ และยังรู้ตัวเองว่า"หัวใจของเรายังเต้นอยู่"
จงลุกขึ้นสู้กับมันอย่ายอมแพ้และหัวใจของเรายังเปรียมล้นด้วยกำลังใจ
จงใช้ใจของเราพลักดันให้เท้าเดินต่ิอ"ไม่มีหรอกคนที่จะล้มไปทั้งชีวิต"
ล้มได้ก็ลุกได้
เมื่อล้มแล้วจงเลือก"ที่จะลุกดีกว่าล้มแล้วไม่คิดจะลุกขึ้นสู้"
จงสู้กับมันให้ถึงที่สุด อย่ายอมแพ้
มันต้องมีสักวันที่เราจะเอาชนะมันได้
"เชื่อสิ.... !! "

ความรัก กับ รองเท้าคู่สวย







 วันหนึ่ง .........ฉันอยากได้รองเท้า
ฉันเดินเข้าไปในร้านที่มีรองเท้าหลากสี-หลายแบบวางเรียงรายและน่ารัก

         เดินดูร้านแล้วร้านเล่า แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะได้รองเท้าถูกใจกลับบ้านไปด้วยเลยแม้แต่คู่เดียว เลือกแล้ว เลือกอีก เลือกจนแม่ค้ามองหน้า จนในที่สุดก็มาหยุดอยู่หน้าร้านแห่งหนึ่ง รองเท้าหุ้มส้นสีเขียวมิ้นคู่นั้นสะท้อนเงาเฉิดฉายผ่านหน้าร้านออกมาแตะตาฉันตั้งแต่แรกเห็น มันช่างเป็นรองเท้าที่สวยจนอยากมีไว้ประดับคู่เท้าในทุกย่างก้าวโดยไม่รอรี......ฉันเดินตรงลิ่วเข้าไปหามัน แม้ป้ายราคาเล็ก-เล็กที่ติดเอาไว้จะบอกราคาที่ไม่เล็กนัก แต่ฉันไม่ลังเลสักนิดเดียวที่จะจ่ายเงินจำนวนนั้นออกไปเพื่อให้ได้รองเท้าที่ถูกใจที่สุดในวันนี้

          "แน่นนิดนึงนะคะ...มีคู่ใหม่ที่ใหญ่กว่านี้มั้ย" ฉันถามพนักงานขายขณะที่กำลังพยายามสอดเท้าลงไปในรองเท้าคู่สวยให้พอดี แล้วพบว่ามันพอดิบ-พอดีจนขยับเท้าไม่ได้



          ไม่มีหรอกค่ะ... เรามีแบบละคู่เท่านั้น รับรองว่าใส่แล้วไม่ซ้ำแบบใคร  พนักงานขายเสนอข้อได้เปรียบในการซื้อสินค้า แต่ดิฉันว่าใส่แล้วก็พอดีนะคะ เผื่อมันยืดออกอีกนิดหน่อย เธอยังคงเสนอต่อเมื่อเห็นแววตาที่ฉันชื่นชมสินค้าของเธอ


          เย็นวันนั้นฉันกลับบ้านด้วยรอยยิ้มกรุ่นพร้อมกับรองเท้าคู่สวยที่อยู่ในมือฉันจัดแจงโยนรองเท้าผ้าใบคู่เก่าที่ใส่มาแรมปีทิ้งไปอย่างไม่แยแส

          วันรุ่งขึ้น... ฉันออกเดินด้วยรองเท้าคู่ใหม่อย่างเฉิดฉาย ยิ่งมีใครต่อใครชมว่ามันสวยนักหนาฉันก็ยิ่งปลื้มใจ ทว่าไม่ทันข้ามวันรองเท้าเจ้ากรรมก็แผลงฤทธิ์จนฉันเดินโขยกเขยก และเย็นวันนั้นฉันก็ต้องกลับมาบ้านพร้อมกับเท้าที่ระบมหนักและเจ็บไปทั้งเท้าเลยละ

          หากชีวิตคนเราเป็นเหมือนการเดินทางไกล ความรักก็คงเป็นเหมือนรองเท้า... แท้ที่จริงแล้วฉันว่าคนเราไม่ได้ต้องการ "รองเท้าสวย" มากไปกว่า "รองเท้าที่ใส่สบาย"

          แต่ก็นั่นแหละใคร-ใคร ก็ย่อมชอบรองเท้าสวย-สวย ด้วยกันทั้งนั้น ถึงไม่น่าแปลกที่หลายคนมักตัดสินใจซื้อรองเท้าเพราะว่า "มันสวย" มากกว่า "มันพอดีกับเท้า" และแม้มันจะใส่แล้วคับไปนิด...อึดอัดไปหน่อยก็ยังไม่วางมือ เหตุเพราะว่ามันสวยถูกใจหรือแม้มันจะราคาแพงลิบลิ่วก็ยังอยากเป็นเจ้าของให้ได้


          หากว่าเราต้องเดินทางอีกไกล... แม้จะมีรองเท้าสวยหรู ราคาแพง ยี่ห้อแบรนด์เนม มันก็คงไม่มีประโยชน์ แม้จะสวยแค่ไหนแต่ถ้ามันทำเท้าเราเจ็บ...สุดท้ายก็คงต้องถอดมันออก เพราะถ้าขืนเราเดินทั้งเท้าเจ็บ-เจ็บเราคงไปไม่ถึงปลายหนทางแน่นอน

          ความรักก็เช่นกัน... เราอาจใฝ่ฝันที่จะมีคนรักสวย รวย เก่ง ฉลาด เลิศหรู แต่ความจริงแล้ว... เราเพียงต้องการคน-คนนั้นเพื่อให้ตัวเราดูดีขึ้นมาเท่านั้นเอง

          ฉันว่านะ... รองเท้าที่ใส่แล้วสบายไม่จำเป็นต้องสวยเด่นอะไร เพราะฉะนั้นคนที่จะมาจับจูงมือเราไปตลอดทางของชีวิตก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่ดีเลิศที่สุดจนใครนึกอิจฉาบางที การใส่รองเท้าที่เดินแล้วสบายมันอาจทำให้เรามีความสุขมากกว่า 
         เพราะฉันเชื่อว่ามันจะพาเราไปจนถึงจุดหมายโดยที่เราไม่ต้องเจ็บเท้าและนึกอยากจะโยนมันทิ้งไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด... ตลอดการเดินทาง 

วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2555

วัดร่องขุ่น(น้ำฝน)


วัดร่องขุ่น
สถานที่ท่องเที่ยว"แนะนำ" นั่นคือ  :-วัดร่องขุ่น-:
ใครอยากไปเที่ยวบ้าง ตามมาเลย


วัดร่องขุ่น เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2540 โดยท่านอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรชั้นแนวหน้าของไทย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างมาจาก3 สิ่งต่อไปนี้คือ
1. ชาติ : ด้วยความรักบ้านเมือง รักงานศิลป์ จึงหวังสร้างงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ไว้เป็นสมบัติของแผ่นดิน
2. ศาสนา : ธรรมะได้เปลี่ยนชีวิตของอาจารย์เฉลิมชัยจากจิตที่ร้อนกลายเป็นเย็น จึงขออุทิศตนให้แก่พระพุทธศาสนา
3. พระมหากษัตริย์ : จากการเข้าเฝ้าฯ ถวายงานพระองค์ท่านหลายครั้ง ทำให้อาจารย์เฉลิมชัยรักพระองค์ท่านมาก จากการพบเห็นพระอัจฉริยะภาพทางศิลปะและพระเมตตาของพระองค์ท่าน จนบังเกิดความตื้นตันและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ดังนั้นอาจารย์จึงได้สร้างงานพุทธศิลป์ถวายเป็นงานศิลปะประจำรัชกาลพระองค์ท่าน โดยปรารถนาจะสร้างวัดให้เหมือนเมืองสวรรค์ที่มนุษย์สัมผัสได้ บนพื้นที่เดิมของวัด 3 ไร่ และอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ได้บริจาคทรัพย์สินส่วนตัว และคุณวันชัย วิชญชาคร
 เป็นผู้บริจาคที่ดินประมาณ 7 ไร่เศษ รวมเงินบริจาคของผู้มีจิตศรัทธาอื่นๆ จนถึงปัจจุบันมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 12 ไร่ และมีพระกิตติพงษ์ กัลยาโณ รักษาการเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน


http://www.gasthai.com/tac/html/1434.html
ลักษณะเด่นของวัด
คือพระอุโบสถที่ตกแต่งด้วยสีขาวเป็นพื้น ประดับด้วยกระจกแวววาววิจิตรงดงามแปลกตา บนปูนปั้นเป็นลายไทย โดยเฉพาะภาพพระพุทธองค์หลังพระประธานซึ่งเป็นภาพที่ใหญ่งดงามมาก เหนืออุโบสถที่ประดับด้วยสัตว์ในเทพนิยาย เป็นรูปกึ่งช้างกึ่งวิหคเชิดงวงชูงา ดูงดงามแปลกตาน่าสนใจมาก ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถก็เป็นฝีมือภาพเขียนของอาจารย์เอง

ความหมายของอุโบสถ
สีขาวของโบสถ์แทนพระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้า กระจกขาวหมายถึง พระปัญญาธิคุณของพระพุทธเจ้าที่เปล่งประกายไปทั่วโลกมนุษย์และจักรวาล

สะพาน หมายถึง การเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ ก่อนขึ้นสะพานครึ่งวงกลมเล็กหมายถึง โลกมนุษย์ วงใหญ่ที่มีเขี้ยวเป็นปากของพญามาร หรือพระราหู หมายถึง กิเลสในใจแทนขุมนรกคือทุกข์ ผู้ใดจะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในพระพุทธภูมิต้องตั้งจิตปลดปล่อยกิเลสตัณหาของตนเองทิ้งลงไปในปากพญามาร เพื่อเป็นการชำระจิตเราให้ผ่องใสถึงจะเดินผ่านขึ้นไป บนสันของสะพานจะประกอบไปด้วยอสูรอมกัน 16 ตัว ข้างละ 8 ตัว อุปกิเลส 16 จากนั้นก็จะถึงกึ่งกลางสะพาน หมายถึง เขาพระสุเมระ เป็นที่อยู่ของเทวดา ด้านล่างเป็นสระน้ำ หมายถึง สันดรมหาสมุทร มีสวรรค์ตั้งอยู่ 6 ชั้นด้วยกัน ผ่านสวรรค์ 6 เดินลงไปสู่แผ่นดินของพรหม 16 ชั้น แทนด้วยดอกบัวทิพย์ 16 ดอก รอบอุโบสถ ดอกที่ใหญ่สุด 4 ดอก ตรงทางขึ้นด้านข้างโบสถ์ หมายถึง ซุ้มพระอริยเจ้า 4 พระองค์ ประกอบด้วยพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ เป็นสงฆ์สาวกที่เราควรกราบไหว้บูชา

ก่อนขึ้นบันได ครึ่งวงกลม หมายถึง โลกุตตรปัญญา บันไดทางขึ้น 3 ขั้น แทนอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ผ่านแล้วจึงขึ้นไปสู่แผ่นดินของอรูปพรหม 4 แทนด้วยดอกบัวทิพย์ 4 ดอก และ บานประตู 4 บาน บานสุดท้ายเป็นกระจกสามเหลี่ยมแทนความว่าง (ความหลุดพ้น) แล้วจึงจะก้าวข้ามธรณีประตูเข้าสู่พุทธภูมิภายในประกอบด้วยภาพเขียนโทนสีทองทั้งหมด ผนัง 4 ด้าน เพดาน และพื้นล้วนเป็นภาพเขียนที่แสดงถึงการหลุดพ้นจากกิเลสมาร มุ่งเข้าสู่โลกุตรธรรม

ส่วนบนของหลังคาโบสถ์ ได้นำหลักธรรมอันสำคัญยิ่งของการปฏิบัติจิต 3 ข้อ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา นำไปสู่ความว่าง (ความหลุดพ้น)

ช่อฟ้าเอก หมายถึง ศีล ประกอบด้วยสัตว์ 4 ชนิดผสมกัน แทน ดิน น้ำ ลม ไฟ ช้าง หมายถึง ดิน, นาค หมายถึง น้ำ, ปีกหงส์ หมายถึง ลม และหน้าอก หมายถึง ไฟ ขึ้นไปปกปักรักษาพระศาสนา บนหลัง ช่อฟ้าเอกแทนด้วยพระธาตุ หมายถึง ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 ข้อ และ 84,4000 พระธรรมขันธ์

ช่อฟ้าชั้นที่ 2 (บน) หมายถึง สมาธิ แทนด้วยสัตว์ 2 ชิด คือ พญานาคกับหงส์ เขี้ยวพญานาค หมายถึง ความชั่วในตัวมนุษย์ หงส์ หมายถึง ความดีงาม ศีลเป็นตัวฆ่าความชั่ว (กิเลส) เมื่อใจเราชนะกิเลสได้ก็เกิดสมาธิ มีสติกำหนดรู้เกิดปัญญา

ช่อฟ้าชั้นที่ 3 (สูงสุด) หมายถึง ปัญญา แทนด้วยหงส์ปากครุฑ หมอบราบนิ่งสงบไม่ปรารถนาใดๆ มุ่งสู่การดับสิ้นซึ่งอาสวะกิเลสภายใน

ด้านหลังหางช่อฟ้าชั้นที่ 3 มีลวดลาย 7 ชิ้น หมายถึงโพชฌงค์ 7 ลาย 8 ชิ้นรองรับฉัตร หมายถึง มรรค 8 ฉัตรหมายถึงพระนิพพานลวดลายบนเชิงชายด้านข้างของหลังคาชั้นบนสุดแทนด้วยสังโยชน์ 10 เสา 4 มุม ด้านข้างโบสถ์ คือ ตุง (ธง) กระด้าง เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธเจ้าตามคติล้านนา

- วัด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 6.30 – 18.00 น.
- ห้องแสดงภาพ : เปิดให้เข้าชมวันจันทร์ – ศุกร์ 8.00 – 17.30 น. ส่วนวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ เวลา 8.00 – 18.00 น.


แรงบันดาลใจในการสร้างวัดร่องขุ่น

มีคนถามผม (อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์) เยอะมากถึงแรงบันดาลใจอะไรที่ทำให้ทุ่มตัวทุ่มใจอุทิศตนสร้างวัดไปจนตายผมมีอยู่ 3 สิ่งที่ผมเคารพรักศรัทธายิ่งกว่าชีวิตอันกระจอกงอกง่อยของผมเอง และคนไทยทุกคนควรระลึกถึงทุกลมหายใจเข้าออก  

ชาติ ผมเกิดบนแผ่นดินไทย ในหมู่บ้านเล็กๆ ชื่อว่าบ้านร่องขุ่น ในจังหวัดเชียงราย เกิดมาไม่มีไฟฟ้า ใช้บริการด้วยหมอตำแยชื่อยายตุ่นดึงออกมาจากแม่ผม เลือดรกผมตกบนแผ่นดินนี้  ผมรักบ้านเมืองประเทศของผม แต่เด็ก

ปรารถนาอยากเป็นทหารรับใช้ชาติ แต่ดันเรียนไม่เก่ง วาดรูปเก่ง จึงหวังว่าวันหนึ่งข้างหน้าจะสร้างงานศิลปะให้ยิ่งใหญ่ฝากไว้ให้เป็นสมบัติของแผ่นดิน ณ ที่เกิด

ศาสนา ผมเลวมาก่อนแต่เด็ก ใจร้อน วู่วาม เคยแทงพี่ชาย เกเร เที่ยวซ่อง เจ้าชู้ โตขึ้นติดกาม เจ้าชู้มาก หลอกผู้หญิงมาเยอะ เรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วก็ยิ่งเพิ่มความเลวเข้าไปอีก อัตตสูง ความอยากกามอยากวัตถุสูง อยากเด่น

อยากดัง อิจฉาตาร้อน โอ้อวด

ธรรมมะของพระพุทธเจ้าเป็นเหมือนหวายหนามอันแหลมคมฟาดมาที่ใจผมเมื่อจิตพยศ ธรรมะเหมือนน้ำเย็นดับความเร่าร้อนลึกๆในจิตผม และเป็นน้ำอุ่นๆ ให้ผมอุ่นจิตเมื่อผมมีอาการหวาดผวาลังเลในสัจธรรม

พระมหากษัตริย์ เมื่อผมเรียนอยู่ที่คณะจิตกรรมฯ มหาวิทยาลัยศิลปากร ผมเคยได้ยินครูบาอาจารย์ผมพูดถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า พระองค์เคยรับสั่ง “งานศิลปะประจำรัชกาลของเรา ไม่เห็นมี ทุกรัชกาลเขามีงาน

ศิลปะที่แสดงเอกลักษณ์กันทุกรัชกาล วัดวาอารามที่สร้างกันใหม่ๆ ก็ยังยึดอิทธิพลศิลปะเก่าๆ อยู่”

ขอขอบคุณที่มา :




รูปภาพเพิ่มเติม

















ขอบคุณที่มาของรูปภาพ 

กุหลาบ น.ส. นริศรา ชูดี ม. 5/6 เลขที่ 11

ดอกกุหลาบ

กุหลาบถือว่าเป็นสัญญลักษณ์แห่งความรักและความโรแมนติก
ซึ่งมีบางตำนานเล่าว่า
"ดอกกุหลาบเป็นเสมือนเครื่องหมายแทนการกำเนิดของ เทพวีนัส"
ซึ่งเป็นเทพแห่งความงาม และความรัก
วีนัสเป็นที่รู้จักกันในชื่อ อโฟรไดท์
ในตำนานเทพของกรีกได้กล่าวไว้ว่า
"น้ำตาของเธอหยดลงปะปนกับเลือดของ
อคอนิส คนรักของเธอที่ถูกหมูป่าฆ่า
เลือดและน้ำตาหยดลงสู่พื้นแล้วกลายเป็นดอกไม้สีแดงเข้ม
หรือดอกกุหลาบนั่นเอง"
แต่บางตำนานก็เล่าว่า
"ดอกกุหลาบเกิดจากเลือดของ อโฟรไดท์
ที่หยดลงสู่พื้น เมื่อเธอแทงตัวเองด้วยหนามแหลม"





สีกุหลาบสื่อความหมาย





  • สีแดง สื่อความหมายถึง ความรักและความปรารถนา เป็นดอกไม้ของกามเทพ คิวปิด และอีรอส เป็นสิ่งนำโชคนำความรักมาให้แก่หญิงหรือชายที่ได้รับ






  • สีชมพู สื่อความหมายถึง ความรักที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์






  • สีขาว สื่อความหมายถึง ความมีเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ มิตรภาพ และความสงบเงียบ และนำโชคมาให้แก่หญิงหรือชายเช่นเดียวกับกุหลาบแดง






  • สีเหลือง สื่อความหมายถึง เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอนะ






  • สีขาวและแดง สื่อความหมายถึง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน






  • กุหลาบตูม สื่อความหมายถึง ความงามและความเยาว์วัย






  •                           
       
       














    ช่อกุหลาบสื่อความหมาย

    จำนวนดอกกุหลาบในช่อก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สื่อความหมายได้เช่นกัน และในวันวาเลนไทน์หรือวันไหนๆ ถ้าคุณได้ช่อดอกกุหลาบจากใครสักคน เค้าคนนั้นอาจกำลังต้องการสื่อความหมายอะไรบางอย่างให้คุณรู้ก็เป็นได้

    จำนวนดอกกุหลาบ/ความหมาย
    1 = รักแรกพบ
    2 = แสดงความรู้สึกที่ดีให้กัน
    3 = ฉันรักเธอ
    7 = คุณทำให้ฉันหลงเสน่ห์
    9 = เราสองคนจะรักกันตลอดไป
    10 = คุณเป็นคนที่ดีเลิศ
    11 = คุณเป็นสมบัติชิ้นที่มีค่าชิ้นเดียวของฉัน
    12 = ขอให้เธอเป็นคู่ของฉันเพียงคนเดียว
    13 = เพื่อนแท้เสมอ
    15 = ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆ
    20 = ฉันมีความจริงใจต่อเธอ
    21 =ชีวิตินี้ฉันมอบเพื่อเธอ
    36 = ฉันยังจำความหลังอันแสนหวาน
    40 = ความรักของฉันเป็นรักแท้
    99 = ฉันรักเธอจนวันตาย
    100 = ฉันอุทิศชีวิตนี้เพื่อเธอ
    101 = ฉันมีคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น
    108 = คุณจะแต่งงานกับฉันไหม
    999 = ฉันจะรักคุณจนวินาทีสุดท้าย